วันอังคารที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

7 สิ่งเล็ก ๆ ที่บั่นทอนความน่ารักของสาว ๆ





ทุกวันนี้เดินไปไหนก็มีสาว ๆ หน้าตาน่ารักให้เห็นกันมากมาย ไม่ว่าจะในรถไฟฟ้า ในห้าง หรือแม้แต่ในลิฟต์ก็ตาม แต่เคยไหมคะ ที่มองใครซักคนว่าน่ารักในแว๊บแรก แต่พอสาวเจ้าแสดงกิริยาอะไรบางอย่างออกมา ความน่ารักของเธอก็หายไปทันที

ไม่แปลกหรอกค่ะที่เป็นอย่างนั้น เพราะคนเราแม้จะเกิดมาหน้าตาน่ารักหุ่นดียังไง แต่สิ่งที่ทำให้คนภายนอกมองว่าน่ารักหรือไม่ กลับเป็นการวางตัวในที่สาธารณะของเรามากกว่า เอาล่ะค่ะ วันนี้กระปุกดอทคอมจะพาไปดูว่า พฤติกรรมไหนบ้างที่แสดงออกมาแล้วทำให้คุณน่ารักน้อยลงทันที


ถึงแม้ว่าคุณจะเคี้ยวมันเพื่อลมหายใจที่หอมสดชื่น แต่ถ้าคุณเคี้ยวหมากฝรั่งดังแจ๊บ ๆ หรือทำเหมือนเด็กด้วยการเป่ามันเป็นลูกโป่งแล้วให้มันแตกดังโป๊ะ นั่นเป็นสิ่งที่ไม่ได้ทำให้คุณดูน่ารักขึ้นเลยค่ะ หนำซ้ำมันยิ่งเป็นการสร้างความรำคาญให้กับคนอื่นไม่รู้ตัวอีก โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่พวกเขาเดินหนีคุณไม่ได้ อย่างตอนที่เดินเบียดเสียด หรืออยู่ในลิฟต์ เพราะฉะนั้น หากจะเคี้ยวหมากฝรั่งแล้วล่ะก็ เคี้ยวเบา ๆ เถอะค่ะ เพราะนั่นแสดงให้เห็นว่าคุณมีมารยาท และทำให้คุณดูดีขึ้นเยอะเลยทีเดียว


ไม่ว่าคุณจะโกรธกับเรื่องอะไรมา อย่าแสดงออกให้ใครเห็นว่าคุณกำลังหงุดหงิดหรือโกรธใครมาเลยค่ะ เพราะคุณไม่ใช่เด็ก ๆ ที่ต้องทำหน้ามุ่ยกับใคร ๆ ทุกครั้งที่โกรธเพื่อแสดงให้คนอื่นเห็นว่าคุณอารมณ์ไม่ดี เพราะมันจะทำให้คุณดูไม่มีเสน่ห์เอาซะเลยล่ะ


เป็นเรื่องธรรมดาที่สาว ๆ เกือบทุกคนย่อมห่วงความสวยของตัวเองเป็นธรรมดา แต่คุณรู้ตัวไหมว่า มันดูไม่น่ารักเลยค่ะ หากคุณทำตัวเป็นนกหงส์หยกเช็คความเรียบร้อยของหน้าตา ผมเผ้า หรือรูปร่างของตัวเองทุกครั้งที่เดินผ่านกระจก หรืออะไรก็ตามที่สามารถสะท้อนให้คุณเห็นตัวเองได้ เช่น ด้านหลังไอพอด ประตูกระจก หรือแม้แต่แว่นดำของเพื่อนคุณ เพราะฉะนั้น ถ้าคุณเป็นคนที่พะวงเรื่องความสวยของตัวเองอยู่ตลอด ก็เข้าห้องน้ำไปจัดการผมเผ้าหน้าตาให้เรียบร้อยทีเดียวดีกว่าค่า


สาว ๆ ที่ชอบสวมใส่เกาะอกในหน้าร้อน การคอยดึงเกาะอกขึ้นทุกครั้งที่มันเคลื่อนลง เป็นสิ่งที่บั่นทอนความน่ารักของคุณไปเยอะเลยค่ะ เพราะนั่นแสดงให้เห็นว่า คุณต้องคอยพะวงอยู่กับเสื้อผ้าของตัวเองตลอดเวลา เชื่อเถอะค่ะว่า ถ้าคุณอยากจะใส่มันจริง ๆ ก็เย็บให้มันเกาะอกคุณให้แน่น ๆ หน่อยจะดีกว่า เพื่อที่คุณจะได้ไม่ต้องคอยพะวงกับมันเวลาออกนอกบ้าน


แน่นอนค่ะ นั่นหมายถึงการที่คุณนินทาชาวบ้าน พูดเสียงดัง หรือสบถคำหยาบต่าง ๆ นา ๆ ออกมาในที่สาธารณะ ไม่ว่าคุณจะอยู่กับเพื่อนสนิทแค่ไหนก็ตาม มันเป็นการทำให้คุณกลายเป็นคนไม่มีมารยาทและมันอาจบั่นทอนความน่ารักของคุณให้ไม่เหลืออยู่เลยก็ได้


ไม่ว่าหน้าตาจะเป็นสิ่งที่คนอื่นมองเห็นได้ก็เถอะ แต่การแต่งหน้าก็เป็นเรื่องส่วนตัวที่ไม่ควรทำในที่สาธารณะโดยเด็ดขาดเลยค่ะ ต่อให้คุณจะแต่งหน้าออกมาสวยแค่ไหน แต่จะให้คนรอบข้างมองคุณน่ารักได้ยังไง หากคุณทำปากเบี้ยว เลิกคิ้ว หรืออ้าปากหวอทาปากในที่สาธารณะ ทางที่ดี เข้าห้องน้ำไปทำให้มันเป็นกิจลักษณะดีกว่าค่ะ ถ้าหากเครื่องสำอางมันเลือน หรือหน้ามัน ปล่อยให้มันเป็นอย่างนั้นดูดีกว่าหยิบเครื่องสำอางขึ้นมาแต่งหน้าเยอะเลย


คงไม่ดีแน่ค่ะถ้าหากคุณเรียกเพื่อนให้ดูไขมันต้นแขน สิวบนใบหน้า หรือผมแตกปลายของคุณ เพราะมันเป็นสิ่งที่ดึงดูดความสนใจของคนรอบข้างไปยังส่วนที่คุณกำลังตัดพ้อนั่นแหละ กลายเป็นการประจานข้อด้อยของตัวเองให้คนอื่นฟังโดยไม่รู้ตัว และแน่นอน ไม่มีใครคิดว่ามันทำให้คุณน่ารักขึ้นได้หรอกค่ะ

และนั่นก็คือพฤติกรรม 7 อย่างที่จะทำให้คุณดูน่ารักน้อยลงโดยไม่รู้ตัว ซึ่งกระปุกดอทคอมเชื่อค่ะว่าสาว ๆ หลายคนก็คงเคยเผลอแสดงพฤติกรรมเหล่านี้ออกมาเหมือนกัน แต่ยังไงก็ตาม ที่แล้วมาก็ให้แล้วไปดีกว่า คราวหน้าลองหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ว่านี้ดู รับรองค่ะว่า นอกจากจะไม่มีอะไรมาบั่นทอนความน่ารักของคุณแล้ว ยังทำให้คุณดูน่ารักขึ้นเป็นกองเลยล่ะ



ดูรายละเอียดที่http://pannfit.blogspot.com/


คุณวราพร แคล้วศึก โทร 085-9083178

วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

เลือกหวีอย่างไรให้เหมาะกับเส้นผม





เส้นผมของคนเรานั้นเป็นเซลล์ของร่าง กายที่ตายแล้ว แต่ที่ยังเห็นคงสภาพอยู่ได้นานก็เพราะมันมีความแข็งแรงของเซลล์อยู่ เส้นผมนั้นไม่จำเป็นต้องให้การบำรุงด้วยสารอาหารจากแชมพู เพราะจะเป็นเรื่องสิ้นเปลืองเสียเงินเปล่า แชมพูมีหน้าที่เพียงแค่ทำความสะอาดเส้นผม ซึ่งหมักหมมจากเหงื่อ ฝุ่น ควันต่าง ๆ นั่นเอง
อีกหนึ่งวิธีที่สามารถช่วยให้เส้นผมของคุณไม่ยุ่งหรือพันกันก็คือ การหวีซึ่งยังช่วยจัดรูปทรงให้กับผมอีกด้วย บางครั้งยังมีความเชื่อกันด้วยว่า ถ้าได้แปรงผมวันละหลาย ๆ ครั้ง จะทำให้ผมสวยเงางามความจริงก็คือ การแปรงผมจะทำให้น้ำมันธรรมชาติที่เคลือบอยู่บนเส้นผมได้กระจายไปทั่วผมจึง ดูเงางาม


1. คนผมหนาและผมเส้นใหญ่
หวีที่ใช้ควรเลือกที่ซี่ห่าง ๆ ถ้าเป็นแปรงควรเลือกที่มีปุ่มนวดหนังศีรษะทำด้วยยางดูไม่ให้แข็งเกินไป

2. คนผมเส้นเล็กบาง
หวีที่ใช้ควรมีซี่ที่ถี่พอควรและไม่แข็งจนเกินไป ควรเลือกแปรงที่มีขนแปรงห่างเพื่อกันไม่ให้เวลาแปรงผมแล้วผมขาดง่าย

3. คนผมเหยียดตรง
เลือกแปรงที่มีแผ่นรองยางและขนแปรงมีปุ่มตรงปลาย เลือกที่มีด้ามจับถนัดมือจะได้ไม่ลื่นหลุดง่าย

4. คนผมซอยหรือผมสั้น
เลือกใช้แปรงกลมที่ไว้สำหรับม้วนผม เพราะจะช่วยให้ผมปัดเข้ารูปได้ง่าย

5. ผมหยิก ผมดัดหยิก
ที่จริงไม่ควรแปรงผม เพราะจะทำให้เสียทรง แต่ถ้าจะเลือกใช้แปรง ให้ลองหาแปรงที่ทำจากขนหมูป่า จะทำให้แปรงได้ง่ายขึ้น


1. หวีควรเป็นสมบัติส่วนตัวไม่ใช้หวีร่วมกับผู้อื่นเพื่อป้องกันปัญหาการติดเชื้อโดยเฉพาะเชื้อรา

2. หลีกเลี่ยงหวีที่มีปลายแหลมคม เพราะจะทำให้ผิวหนังที่ศีรษะเป็นแผลได้

3. ควรล้างทำความสะอาดหวีและแปรงอย่างสม่ำเสมอแล้วตากแดดให้แห้งสนิทจึงนำมาใช้ใหม่

4. ไม่ควรหวีผมขณะผมเปียกจะทำให้เส้นผมขาดง่าย เพราะสภาพผมที่เปียกน้ำผมจะพันกันยุ่งเหยิงเว้นแต่คุณใช้ครีมนวดผม อาจใช้หวีซี่ห่าง ๆ แปรงให้เส้นผมได้รับครีมนวดทั่วถึง


ดูรายละเอียดที่http://pannfit.blogspot.com/


คุณวราพร แคล้วศึก โทร 085-9083178




วันอาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

7 พฤติกรรมกินยอดแย่พาแก่เร็ว


          


     
สุขภาพ จะดีหรือไม่อยู่ที่ ปากของเราเป็นหลัก ด้วยการกินนี่เองที่ทำให้เกิดปาฏิหาริย์รักษาโรคได้หรือทำให้เจ็บป่วยได้ก็มาจากการกินเหมือนกัน กินดีได้ดี กินร้ายได้ร้าย


ประการดังนี้


1. กินหวานไม่ได้หมายถึงห้ามเด็ดขาดเลยครับเพียงแค่ขอให้ อ่อนหวานลงเพื่อจะได้คงสุขภาพที่ดีไว้นานๆ ทั้งอาหาร ของหวานและเครื่องดื่มครับ แค่นี้รอบพุงก็ไม่เกิดอาการ ปลิ้นแล้ว

2. กินไม่เคี้ยว สังคมยุคใหม่ต้องรีบกินจึงทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บตามมาจากอาหารที่ เคี้ยวน้อยขอให้ท่านที่รักยอมเสียเวลาสักนิด ตั้งใจเคี้ยวสักคำละ 10 ครั้งจนติดเป็นนิสัยจะทำให้ได้สุขภาพดีทั้งสมองและทางเดินอาหาร

3. กินดึก การรับประทานมากกว่า 3 มื้อหรือเพิ่มมื้อพิเศษยามราตรีเข้ามาจะพาให้สุขภาพ แย่ลงเร็วครับ เพราะร่างกายถูกดีไซน์มาให้พักผ่อนตอนกลางคืน คนที่กินดึกจะเสี่ยงต่อโรคอ้วน นอนไม่หลับ กรดไหลย้อนและอีกมาก การกินดึกจึงเป็นบ่อนทำลายสุขภาพอย่างเร็วยิ่งทางหนึ่ง

4. กินแล้วนิ่ง กินแล้วไม่ขยับเข้าสู่ภาวะจำศีลหรือนั่งแปะอยู่แต่กับเก้าอี้ทำงานหลังอาหารมื้อใหญ่ล้วนเป็นภัยต่อสุขภาพ อย่างร้ายแรงครับ โรคอ้วน ไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจจะถามหา ขอให้หาทางออกกำลังกายหรือขยับตัวบ้างสร้างให้ติดเป็นนิสัยจะดีที่สุด

5. กินอิ่มแล้วอิ่มอีก การรับประทานอาหารด้วยความ อยากมากกว่า หิวหรือการกินบุฟเฟ่ต์ที่ต้องพยายามกินทรมานมากกว่าอร่อยบ่อยๆ เป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยรวม นอกจากทำให้ร่างกายติดนิสัยการกินดุแล้วยังทำให้ได้รับแคลอรีเกินความต้องการต่อวันอย่างน่าตกใจ

6. กินซ้ำวิถีชีวิตคนทำงานมักเกิดอาการกินซ้ำได้บ่อยครับ เป็นมนุษย์กะเพราไก่ มนุษย์ข้าวไข่เจียวหรือมนุษย์บะหมี่ซอง กินเข้าไปก็ยิ่งไปซ้ำเติมสุขภาพให้ได้รับแต่สารอาหารซ้ำๆ ลองนึกดูว่าถ้ามีพิษก็จะได้พิษสะสมซ้ำๆ เช่นกัน

7. ปรุงก่อนกิน ท่านที่ชอบเติม เปรี้ยว เค็ม หวานฯลฯ เกิดอาการ ติดปรุงขอให้ค่อยๆ เปลี่ยนดีกว่าคะ เพราะวันหนึ่งคนเราไม่ควรได้น้ำตาลเกิน 6 ช้อนชา ส่วนน้ำปลานั้นก็ไม่น่าเกิน 3 ช้อนชาครับ ทั้งนี้คือรวมทั้งที่มีอยู่ในอาหารนั้นๆ แล้วด้วย ดังนั้นจะเห็นว่ายิ่งปรุงเพิ่มยิ่งเสี่ยง

        ทั้ง 7 ประการเป็นการกินที่ควรมีให้น้อยที่สุดหรือถ้าเลี่ยงได้ยิ่งดี เพราะอวัยวะในตัวเราหลายอย่างถ้าเสียไปเพราะการกินแล้ว ซ่อมไม่ได้และ ไม่มีอะไหล่เปลี่ยนอย่างสมอง กระเพาะอาหาร ตับหรือไตคะที่ใช้ของใครก็ไม่เหมือนของตัวเอง

ดูรายละเอียดที่http://pannfit.blogspot.com/


คุณวราพร แคล้วศึก โทร 085-9083178



วันศุกร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

มะเขือยาว...ประโยชน์ย้าว..ยาวมากกว่าที่คิด


   ถึงหน้าตาจะเรียบง่ายไปหน่อย แต่ในทางประโยชน์ต่อสุขภาพ แล้ว มะเขือยาวทำได้เหนือกว่าผักชนิดอื่นมาก





      - ถ้าเผลอกินเห็ดพิษเข้าไป แค่คว้ามะเขือยาวดิบมาเคี้ยวจะช่วยถอนพิษได้

      - สำหรับคนที่มีไข้ มีอาการปวดบวมตามร่างกาย หรืออยากจะลดไขมันในเส้นเลือด มะเขือยาวจัดให้คุณได้

      - อุดมไปด้วยวิตามินทุกชนิด แคลเซียม ธาตุเหล็ก ฟอสฟอรัส ซิงค์ แมงกานีส แมกนีเซียม และสารต้านอนุมูลอิสระอีกเพียบ จึงบำรุงสุขภาพ สมอง ป้องกันมะเร็ง บำรุงกระดูกและฟัน

      - คนที่เป็นโรคหลอดเลือดแข็งตัว ความดันโลหิตสูง อาเจียนเป็นเลือด ควรทานมะเขือยาวเป็นประจำ อาการที่เป็นจะดีขึ้น

      - ป้องกันและรักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน


      - ถ้ามีแผลในปาก ให้ตำมะเขือยาวให้แหลกแล้วพอกบนแผล เนื้อเยื่อบริเวณนั้นจะสมานตัวอย่างรวดเร็ว


ดูรายละเอียดที่http://pannfit.blogspot.com/


คุณวราพร แคล้วศึก โทร 085-9083178

วันพุธที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

วิตามินซี (Vitamin C) วิตามินยอดฮิตยอดนิยมของสาวๆ



วิตามินซี (Vitamin C) ประโยชน์ของวิตามินซี



พูดถึงวิตามินซี (Vitamin C) คงไม่มีใครรู้จักแน่นอนใช่มั้ยครับ โดยเฉพาะสาวๆมักจะชอบทานวิตามินซีกันมาก เพราะต้องการให้ช่วยเรื่องผิวพรรณ ให้ขาวเนียนใสนั่นเอง บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับวิตามินซีให้มากขึ้นกันครับ ว่านอกจากวิตามินซีจะช่วยเรื่องผิวพรรณแล้วมันยังมีประโยชน์อะไรอีกบ้าง

วิตามินซี (Vitamin C) หรือกรดแอล-แอสคอร์บิก (L-ascorbic acid)หรือ แอล-แอสคอร์เบต (L-ascorbate) เป็นวิตามินที่ละลายได้ในน้ำ ร่างกายสร้างขึ้นเองไม่ได้ ต้องได้รับจากการรับประทานเข้าไป วิตามินซีพบมากในผลไม้เช่น ฝรั่ง หรือผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว เช่น ส้ม มะนาว และผักตระกูลกะหล่ำ เป็นต้น

วิตามินซีมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยต่อต้านสารก่อมะเร็งช่วยควบคุมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ประโยชน์อื่นๆของวิตามินซีมีอยู่มากมาย ยกตัวอย่างเช่น

ช่วยในการผลิตคอลลาเจน
ช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง กระจ่างใส ลดรอยด่างดำ
ช่วยป้องกันและช่วยรักษาการทำลายผิวจากแสงแดด
ป้องกันไมเกรน ช่วยลดความเครียด
ลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด ลดอัตราเสี่ยงต่อโรคหัวใจ
ช่วยให้แผลสดแผลไฟไหม้หายเร็วขึ้น
ช่วยแก้โรคออกตามไรฟัน ทำให้เหงือกมีสุขภาพแข็งแรง
ช่วยการป้องกันโรคต้อกระจก
ช่วยให้การดูดซึมธาตุเหล็กดีขึ้น
ช่วยลดอาการแพ้ หอบหืด หรือไซนัส
ช่วยในการรักษาและป้องกันโรคหวัด


การได้รับวิตามินซีในปริมาณมาก อาจทำให้เกิดเกิดโรคเกาต์ เพราะวิตามินซีจะทำให้เกิดปัญหาการสะสมธาตุเหล็กตามกระดูกข้อต่อต่างๆ มากขึ้น
การได้รับวิตามินซีในปริมาณมากเกินไป อาจไปรบกวนการดูดซึมของทองแดงและซีลีเนียม ซึ่งส่งผลให้มีอัตราเสี่ยงต่อการเกิดนิวในไต
หากได้รับวิตามินซีในปริมาณมากเกิน ไปอาจทำให้ท้องเสีย ท้องอืด ท้องเฟ้อได้


ปกติรายกายควรรับปริมาณวิตามินซีไม่น้อยกว่า 60 มิลลิกรัมต่อวัน คนสูบบุหรี่อาจต้องการถึง 200 มิลลิกรัมต่อวัน แต่อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารเสริมสุขภาพได้ให้คำแนะนำว่า เพื่อประสิทธิภาพที่ดีต่อสุขภาพร่างกายควรจะต้องรับประทานวิตามินซีอย่างน้อย 100-200 มิลลิกรัมต่อวัน สำหรับคนที่เครียดบ่อยๆควรรับประทานวันละ 500 มิลลิกรัมต่อวัน ปริมาณที่แนะนำให้รับประทานต่อวันสำหรับคนที่ทานอาหารเสริมวิตามินซีคือ ในหนึ่งวันให้แบ่งทานเป็นตอนเช้ากับตอนเย็น ครั้งละ 500 – 1,000 mg.






SWANSON PREMIUM BRAND VitaminC 

1 ขวด 250 แคปซูล 1,000 มิลลิกรัม ราคา 2,500 บาท 

วิธีรับประทาน รับประทานครั้งละ 1 แคปซูล หลังอาหาร เช้า

สั่งซื้อและเป็นตัวแทนจำหน่าย ที่

คุณ วราพร แคล้วศึก

โทร. 085-9083178


อีเมลล์ pannfitmedical@gmail.com

วันเสาร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

หัวใจโต

                






หัวใจโต เป็นอย่างไร เป็นโรคหัวใจชนิดหนึ่งหรือไม่ น.พ.บัญชา ศันสนีวิทยกุล อายุรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคหัวใจ ให้คำตอบไว้ในรายการ ไทยคลินิค ดอท คอม


ตอบ  :       ขนาดหัวใจคนปกติโดยทั่วไป ขนาดเท่ากับกำปั้นมือของเจ้าของ ไม่เล็กไม่ใหญ่ ขนาดพอดี



ตอบ  :       โรคหัวใจมีหลายอย่าง เวลาคนไข้มาสอบถามว่า กลัวจะเป็นโรคหัวใจ เป็นโรคหัวใจหรือเปล่า คนไข้จะไม่รู้ว่า ความจริงแล้วโรคหัวใจมีหลายประเภท เช่น โรคหัวใจ ลิ้นหัวใจ เช่น การติดเชื้อที่ลิ้นหัวใจ การถูกทำลายที่ลิ้นหัวใจ หรือว่าเป็นโรคของกล้ามเนื้อหัวใจเสื่อม คือ กล้ามเนื้อหัวใจที่เคยบีบตัวมาตลอดชีวิต ก็เริ่มทำงานลดลง เสื่อมสภาพไปเร็วกว่ากำหนด หรือโรคหัวใจที่พบบ่อยที่สุดทุกวันนี้ คือโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด มีหลากหลายเหลือเกิน


ตอบ  :       ใช่ครับ โรคหลอดเลือดหัวใจ เป็นโรคที่พบบ่อยมากขึ้นเรื่อยๆ ในสังคมไทย ซึ่งเปลี่ยนจากสังคมตะวันออก เป็นสังคมตะวันตก คือว่าเรามีการบริโภคอาหาร ที่มีไขมันมากขึ้น มีความเครียดมากขึ้น สูบบุหรี่มากขึ้น อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เป็นพิษ เป็นภัยต่อหัวใจมากขึ้น ทำให้โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ เพิ่มปริมาณมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเทียบกับโรคหัวใจชนิดอื่นๆ


กล้ามเนื้อหัวใจ หรือว่าเส้นเลือด สาเหตุของมันแตกต่างกัน

อย่างไร

ตอบ  :       แตกต่างกันค่อนข้างมาก ยกตัวอย่าง เช่น โรคลิ้นหัวใจ ที่มักจะเกิดในสภาพสังคมคน ที่ค่อนข้างจะยากจนซักหน่อยนึง เพราะสาเหตุการเกิดเนื่องจาก มีการติดเชื้อที่บริเวณทางเดินหายใจ หลังจากนั้นเชื้อ หรือปฏิกิริยาจากการติดเชื้อ ก็ลงไปจู่โจมที่ลิ้นหัวใจ ทำให้ลิ้นหัวใจเกิดการอักเสบ เกิดการทำลายเกิดขึ้น แล้วเกิดลิ้นหัวใจตีบ และลิ้นหัวใจรั่วตามมา ซึ่งภาวะนี้ทุกวันนี้ ในสังคมที่พัฒนาขึ้นแล้วอย่างบ้านเรา พอเป็นไข้หวัดขึ้นที เราก็มักจะได้รับยาปฏิชีวนะกันค่อนข้างเร็ว เชื้อโรคก็ไม่เพิ่มปริมาณมากขึ้น ปฏิกิริยาต่อสู้กับเชื้อโรค ก็ไม่ไปจู่โจมที่หัวใจ เพราะฉะนั้น โรคลิ้นหัวใจ จึงลดลงค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในชุมชนเมือง ก็ยังเหลือแต่ในชนชนบท ซึ่งยังห่างไกลการรักษาพยาบาลอยู่ แต่เรื่องของหลอดเลือดตีบที่พบบ่อย และเป็นที่กังวลของคนมากขึ้น ทุกวันนี้ เราลองมานึกดูนะครับว่า หัวใจคนเรา เคยทานหัวใจหมู ก็จะเห็นว่าเป็นอวัยวะที่เป็นก้อน และก็จะมีผนังกล้ามเนื้อหัวใจอยู่ กล้ามเนื้อหัวใจต้องทำงานตลอดเวลา 24 ช.ม.ต่อวัน 7 วันต่อสัปดาห์ / 52 สัปดาห์ต่อปี จะเห็นว่า หัวใจก็ต้องการอาหารไปเลี้ยงเหมือนกัน เพราะเขาทำงานหนัก จึงจะต้องมีเลือดมาเลี้ยงเขา เลือดที่มาเลี้ยงหัวใจ ก็อยู่บนผิวของหัวใจ และส่งมาเลี้ยงหัวใจ เพื่อให้หัวใจทำงานได้ตามปกติ ทีนี้วันดีคืนดี หลอดเลือดหัวใจ ที่เคยไหลเวียนได้สะดวก เหมือนกับท่อส่งน้ำ ก็เกิดอาการอุดตันเกิดขึ้น ไหลเวียนไม่สะดวก แต่การที่ท่อส่งน้ำจะเกิดตีบตันขึ้นมา มันไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ มันมีตัวเร่งอยู่


1.เพศชาย : เพศชายค่อนข้างจะเสียเปรียบกว่าเพศหญิง เกิดก็

ยาก ตายก็ง่าย โรคหัวใจก็เป็นง่ายกว่าเพศหญิงเยอะ พออายุเกิน 45 ปี ก็เริ่มเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ พร้อมอายุที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ผู้หญิงมักจะต้องเกิดเมื่อ 55 ปีไปแล้ว หรือหลังจากวัยหมดประจำเดือนไปแล้ว

2.อายุ : เมื่ออายุมากขึ้น โอกาสเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบก็จะเพิ่มขึ้น ถึงแม้หน้าตาจะดูเด็ก แต่เราก็เปลี่ยนความเสื่อมภายในไม่ได้อยู่ดี

3.พันธุกรรม : ถ้าคุณพ่อคุณแม่เป็นโรคหัวใจเร็ว แนวโน้มเราจะมีโรคหัวใจ ที่เกิดขึ้นค่อนข้างเร็ว บางคนอายุ 35 ปี ก็มาด้วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายแล้ว ดังนั้นพันธุกรรมก็เป็นตัวกำหนดว่า เราจะเป็นโรคหัวใจ ชนิดหลอดเลือดหัวใจตีบมากง่ายหรือเปล่า

4.การสูบบุหรี่ : ยิ่งสูบมากเท่าไหร่ โรคหัวใจก็ถามหาเร็วขึ้นไม่ใช่แต่โรคปอดเท่านั้น

5.โรคความดันโลหิตสูง

6.โรคเบาหวาน

7.โรคไขมันสูง


8.ภาวะเครียด : คนที่ชอบการแข่งขัน ชอบเอาชนะและไม่เดิน

ทางสายกลาง ก็มักจะได้โรคหัวใจแถมไปด้วย และจะยืนอยู่บน

ความสำเร็จไม่ได้นาน นี่คือสาเหตุของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ส่วนสาเหตุของโรคหัวใจอื่นๆ ก็จะหลากหลายกันออกไป (แต่โรคใจอ่อน ใจง่ายนั้นไม่เกี่ยว แล้วแต่บุคคลเอง) และผ่าตัดแปลงเพศแล้ว มันก็ไม่ได้เปลี่ยนพันธุกรรม ของความเป็นเพศชายไปได้ มันแก้ไขไม่ได้ แต่มีปัจจัยบางอย่างที่แก้ไขได้ก็คือ ถ้าเป็นเบาหวาน ก็ควบคุมเบาหวานให้ดี อย่าบริโภคอาหารที่หวาน เกินกำลังของร่างกาย ถ้าเป็นความดันโลหิตสูง ก็ควบคุมความดัน ถ้าเป็นคนที่ชอบสูบบุหรี่ อันนี้ต้องลดลงชัดเจน นอกจากนี้ ยังมีการควบคุมระยะยาว ด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ มีหลายปัจจัยที่ควบคุมได้เหมือนกัน เพียงแต่ว่าต้องอาศัยความอดทนเป็นแบบนักกีฬา


ดูรายละเอียดที่http://pannfit.blogspot.com/


คุณวราพร แคล้วศึก โทร 085-9083178