วันอาทิตย์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2556

มะเร็งจู๋โรคร้ายที่ผู้ชายไม่อยากเป็น



ปัจจุบันในสังคมเรามีการตื่นตัวเกี่ยวกับเรื่องการดูแลสุขภาพมากขึ้นเรื่อย ๆ จะเห็นว่ามีคอลัมภ์ต่าง ๆ ทั้งหนังสือ ทีวี อินเตอเน็ต แคมฟร๊อก (ไม่เกี่ยว) พูดถึงการดูแลตัวเอง การป้องกัน การขายยา และการรักษา โรคร้ายต่าง ๆ ซึ่งหนึ่งในหลาย ๆ โรคที่ได้ยินกันบ่อยในสังคมปัจจุบันคือโรคมะเร็ง (ก็ขนาดป้าเช็งยังคิดน้ำหมักมารักษามะเร็งเลย)

หลายคนรู้จักและเคยเห็นผู้ป่วยโรคมะเร็งในหลาย ๆ แบบ ซึ่งปัจจุบันที่กำลังเป็นที่พูดถึงกันมากก็คือมะเร็งปากมดลูก ซึ่งเป็นโรคที่ครองแชมป์อันดับหนึ่งของมะเร็งที่คร่าชีวิตผู้หญิง โดยมีอัตราการเสียชีวิตของ มะเร็งปากมดลูก เฉลี่ยสูงถึง 7 คนต่อวัน และพบผู้ป่วย มะเร็งปากมดลูก รายใหม่สูงถึง 6,000 คนต่อปี ซึ่งทำให้มีการตื่นตัวขึ้นมารณรงค์การป้องกันรวมถึงฉีดวัคซีนเพื่อลดโอกาสการเกิดโรคร้ายนี้ขึ้น

สำหรับผู้ชาย หลายคนอาจจะรู้สึกดีใจที่ไม่ต้องมากังวลจะเป็นมะเร็งปากมดลูก โดยที่ไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้ว มะเร็งสำหรับผู้ชายเองก็มี แถมเกิดที่อวัยวะส่วนสำคัญได้ด้วย จึงเป็นที่มาของเนื้อหาคราวนี้ครับ






อก้อนผิดปกติครับบริเวณของสำคัญ 35 เปอร์เซ็นต์มาด้วยมีแผลเรื้อรัง และอีก17 เปอร์เซนต์มาด้วยการอักเสบระคายเคืองครับ

ส่วนตำแหน่งที่มีโอกาสเจอที่สุดนี่ จากตัวเลขข้อมูลของฝรั่งนะครับ
48 เปอร์เซ็นต์จะพบความผิดปกติที่บริเวณส่วนหัว 21 เปอร์เซ็นต์พบที่หนังหุ้มปลาย มี 9 เปอรเซ็นต์พบรวมกัน ที่เหลือคือพบบริเวณคอและลำครับ

ดังนั้นการตรวจได้ง่ายสุดก็คือคลำได้ก้อนผิดปกติตรงบริเวณจู๋ครับ คือไล่มาตั้งแต่ตรงหนังหุ้มปลาย ส่วนหัว ส่วนลำครับ ถ้าสังเกตว่ามีก้อนอะไรที่ไม่ชอบมาพากล และก้อนนั้นหน้าตาไม่ค่อยน่ารัก สีสันแปลกตาโดยที่ไม่ได้ทานคลอโรฟิลด์ โตวันโตคืน ถ้าเจอก็อย่าพึ่งหลงดีใจว่าสวรรค์เมตตาให้ใหญ่ขึ้นนะครับ กรุณาช่วยพาก้อนมาพบให้คุณหมอตรวจดูหน่อย อาจจะงานเข้าครับ







โดยก้อนหรือลักษณะพวกนี้คือลักษณะที่มีปัจจัยเสี่ยงสูงที่จะมีโอกาสกลายเป็นมะเร็งครับ


เวลาพูดถึงโรคต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น การป้องกันส่วนใหญ่จะง่ายกว่าการรักษาครับ เหมือนเรื่องการแบ่งแยกชนชั้นที่เกิดขึ้นในประเทศสารขัณท์นี่ก็เหมือนกัน ปล่อยให้เลยเถิดมานานพอตอนนี้จะแก้ไขก็ยากแล้วครับ


พบว่าสาเหตุสำคัญที่สุดในการที่จะทำให้เป็นโรคนี้คือเรื่องการดูแลสุขอนามัยครับ จู๋คนเราเป็นอวัยวะที่มีหมวกคลุม ทีนี้ในแต่ละวันเราใช้งานส่วนนี้เป็นทางผ่านของปัสสาวะ และในแต่ละวันร่างกายเราก็สร้างเหงื่อ ขี้ไคล ผลัดผิวกันตลอดโดยไม่ต้องใช้ AHA ซึ่งสิ่งเหล่านี้หากไม่ดูแลสุขอนามัยให้ดี หลาย ๆ คนก็อาจจะเคยเจอกับกลิ่นหรือคราบที่ไม่พึงประสงค์ได้ครับ ซึ่งหลายคนคงเคยเจอและตั้งชื่อกันได้เห็นภาพมากว่าขี้เปียก (smegma)




ในขี้เปียกนี่ จะมีเชื้อแบคทีเรียตัวนึงครับที่ชื่อ mycobacterium smegmatis ซึ่งพบได้ถึงครึ่งนึงของผู้ชายที่ไม่ได้ทำการขริบ จะทำให้เกิดการระคายเคืองแบบ combo ตรงบริเวณจู๋และทำให้เซลล์ปกติมีปัญหาครับ

โดยจากการศึกษาทางการแพทย์พบว่า ผู้ชายที่มีหนังหุ้มปลายตีบจนไม่สามารถรูดได้หรือรูดได้ไม่สะดวกที่เรียกว่า PHiMOSIS มีโอกาสเป็นมะเร็งจู๋มากกว่าคนทั่วไปถึง 10 เท่าเลยครับ ซึ่งสาเหตุก็มาจากการหมักหมมและระคายเคืองของสิ่งที่อยู่ด้านในใต้หมวกครับ ทำให้เซลล์เกิดการเปลี่ยนแปลง transformer เป็นเซลล์ชนิดไม่ดีครับ

นอกจากนี้ HPV virus เป็นอีกสาเหตุนึงที่กำลังมีการพูดถึงกันมากและเป็นที่ยืนยันว่าทำให้เกิดโรคนี้ได้เช่นเดียวกัน (เป็นตัวเดียวกับที่เกิดในมะเร็งปาก
มดลูกของผู้หญิงนี่แหละครับ) โดยพบว่าผู้ชายที่ไม่ได้ทำการขริบจะพบเชื้อตัวนี้มากกว่าคนที่ทำการขริบแล้ว 3 เท่า ซึ่งก็ตรงไปตรงมาครับก็คือเรื่องการดูแลสุขอนามัยอีกแหละ เพราะถ้ามีหมวกแล้วไม่ดูแลให้ดี ก็มีโอกาสที่พวกเชื้อจะไปซ่อนอยู่ตามซอกหลืบหรือรอยพับได้ และที่สำคัญก็คือซวยคนเดียวไม่เท่าไหร่ ดันเอาไปใช้งานกับผู้หญิงแล้วไปหย่อนเชื้อไว้ให้เค้านี่แหละครับ เชื้อตัวนี้อยู่กับผู้ชาย พลิกมาพลิกไปล้างดี ๆ เอาน้ำฉีดก็อาจจะทำความสะอาดได้แต่เมื่อเข้าไปอยู่กับผู้หญิงนี่ เค้าจะเอาออกมาล้างอย่างไรครับ จึงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้

เกิดมะเร็งปากมดลูกแบบที่ผู้หญิงก็งงว่า ตัวเองไปติดมาได้อย่างไร (มะเร็งปากมดลูกนี่พบได้น้อยมาก ๆ ในผู้หญิงโสดครับและพบได้มาก ๆ ในผู้หญิงที่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย และงานวิจัยพบว่าผู้หญิงที่มี sex กับผู้ชายที่ไม่ได้ขริบจะมีโอกาสเกิดมะเร็งปากมดลูกมากกว่าถึง 4 เท่าครับ)

อีกสาเหตุนึงที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึงแต่เป็นปัจจัยเสี่ยงก็คือบุหรี่ครับ พบว่าคนที่สูบบุหรี่นี่มีโอกาสเป็นมะเร็งจู๋มากกว่าคนที่ไม่ได้สูบถึง 4.5 เท่า โดยทางการแพทย์อธิบายว่าสารที่อยู่ในบุหรี่มันไปยับยั้งการทำงานของlangerhan cell ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นตัวช่วยจับกับเชื้อไวรัสครับ ดังนั้นยิ่งสูบยิ่งเสื่อมครับ





ทีนี้หากวันร้ายคืนร้ายเกิดมะเร็งขึ้นมาแล้วจะทำอย่างไร
เมื่อมา รพ.ด้วยก้อนหรือแผล คุณหมอก็จะทำการตัดชิ้นเนื้อไปตรวจก่อนครับ ถ้าผลออกมายืนยันว่าเป็นเนื้อร้ายจริง ทีนี้ก็งานเข้าแล้วครับ โดยวิธีการรักษานั้นที่ดีที่สุดก็คือตัดอวัยวะตรงที่มีก้อนหรือแผลนั้นออกครับ โดยต้องตัดให้เลยส่วนก้อนเข้ามา 2 เซนต์ครับ เพื่อจะลดโอกาสการเกิดซ้ำ ดังนั้นตอนนี้ก็ขึ้นกับบุญทำกรรมแต่งครับว่าคุณพ่อให้มาเท่าไหร่ ถ้ามีเหลือเยอะ ตัดออกไปแล้วยืนฉี่ได้ก็ดีไปครับ แต่ถ้าของเดิมก็ไม่มาก ตัดออกไปอีก คราวนี้ต้องทำท่อปัสสาวะให้ใหม่ แล้วนั่งฉี่ครับ







ทางตะวันตกมักจะเอาใจคนไข้ที่เป็นโดยพยายามเอาออกให้น้อยที่สุดเท่าที่ทำได้ เช่นเป็นแค่ปลายก็แค่ฝานเนื้อที่มีปัญหาออก หรือเอาออกเป็นส่วน ๆ เพื่อเก็บจู๋ไว้ให้คนไข้ แต่ปัญหาที่เกิดคือมีโอกาสเกิดซ้ำสูงมากครับ และทำให้ตัวมะเร็งมันดาวกระจายไปสู่อวัยวะส่วนอื่นมากขึ้น

หากเป็นระยะลุกลามหรือดาวกระจายไปแล้ว ก็มีการเอาวิธีฉายแสงและให้เคมีบำบัดเข้ามาช่วยครับ แต่ก็ยืดอายุไปได้ไม่ค่อยหายขาดครับ

ถ้าจะเลือกวิธีการรักษาก็ต้องรู้ระยะและโอกาสครับ หากเป็นระยะแรกและรักษาเอาเนื้อร้ายออกหมดนี่ โอกาสหายสูงถึง 80 – 100 เปอร์เซ็นต์เลยครับ แต่ถ้าเป็นระยะลุกลามโอกาสที่จะอยู่ถึง 5 ปีก็ครึ่งนึง แต่ถ้าเพิกเฉยอารยะขัดขืนไม่รักษานี่ ส่วนใหญ่ไปภายในสองปีครับ


โรคมะเร็งที่จู๋นี่ เป็นโรคที่พบได้ไม่บ่อยแต่ถ้าเป็นทีนี่ฝันร้ายของผู้ชายทุกคนครับ วิธีป้องกันที่ดีและง่ายสุดก็คือการดูแลสุขอนามัยของอวัยวะส่วนสำคัญของตัวเองให้ดีครับ เอามาเปิดหมวกล้างให้สะอาดสม่ำเสมอ หากหมวกแคบหรือยาวไปเป็นอุปสรรคก็ไปให้คุณหมอขริบออก และก็อย่าสูบบุหรี่ หากเจอสิ่งผิดปกติไม่ชอบมาพากลก็รีบไปรพ.ครับ อย่ามัวแต่อายหรือคิดว่าเป็นการจัดฉากครับ รักษาระยะแรกดีกว่าปล่อยให้ลุกลามครับ








สั่งซื้อและเป็นตัวแทนจำหน่ายที่

คุณวราพร แคล้วศึก โทร 085-9083178

ดูรายละเอียดที่ http://www.pannfiturok.blogspot.com/



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น